.
โดยส่วนตัวสำหรับความเห็นในปัจจุบันของผู้เขียนนั้นยังไม่เห็นด้วยกับแนวทางและวิธีคิดดังกล่าว ด้วยเหตุผลที่ว่า
.
เรามีเวลาที่จะทำงานได้เยอะเช่น 30 ปีกว่าจะ 60 ปี (นานไหมละ) โดยที่ไม่จำเป็นจะต้องไม่เรียนหนังสือแล้วรีบมาทำงานหาเงิน ยิ่งเรียนให้สูงได้ยิ่งดี ยกเว้นผู้ที่มีความจำเป็นไม่มีฐานะที่มากพอที่จะเรียนหนังสือ แต่เมื่อตั้งหลักได้ ตัวผู้เขียนก็อยากที่จะให้เรียนหนังสือ อ่านหนังสือ เพื่อเป็นพื้นฐานให้ตัวเองในอนาคตมากที่สุด
.
เพราะการศึกษานั้นให้ แนวทางในการค้นคว้า เพื่อน สังคม ที่เราจะได้เปิดโลกทัศน์และเราจะขาดโอกาศในอนาคตหากเรา มีโอกาสได้เรียนแต่เลือกที่จะไม่ศึกษาต่อ
.
แต่การศึกษาต่อนั้นเราจำเป็นที่จะต้อง เลือกเรียนให้สอดคล้องกับความชอบและความต้องการของสังคม รวมถึงเป็นอาชีพที่มีความสามารถในการแข่งขันในอนาคตด้วย
.
ยกตัวอย่างให้เห็นภาพตัวผู้เขียนนั้นเลือกเรียนในศาสตร์ทางด้านวิศวกรรมโยธา ซึ่งด้วยความที่ฟลุคปรากฏว่า เมื่อตัวผู้เขียนสำเร็จการศึกษา กลับเป็นวิชาชีพที่ตัวผู้เขียนสามารถทำงานได้หลากสายงาน ไม่ว่าจะเป็นสายงานเอกชน หรือภาครัฐที่เปิดรับเกือบจะทุกกรม และเป็นองค์ความรู้ที่เฉพาะทางคือถ้าไม่เรียนก็ไม่สามารที่จะแย่งงานข้ามสายได้ เป็นต้น
.
จะเห็นว่าการศึกษาเราเลือกเรียนในสิ่งที่เราชอบและสอดคล้องกับความต้องการของตลาดจะทำให้เรามีความสามารถในการแข่งขัน ถ้าเราไม่ศึกษาต่อเราจะขาดโอกาสในการแข่งขันในนาคต
.
ตัวผู้เขียนเคยฟังบทสัมภาษณ์ของคุณ ตัน อิชิตัน เขาให้สัมภาษณ์ว่า " เหตุผลที่เขาลงทุนเฉพาะแต่ในที่ดินเป็นเพราะเขามีความรู้น้อย เรียนมาน้อย ถ้าเขามีความรู้มากกว่านี้เขาคงลงทุนอย่างอื่นได้ และคนรุ่นใหม่นั้น ถึงแม้ว่าเขาจะใช้เวลาเรียนมาแต่เป็นพื้นฐานที่ดีให้กับตัวเองได้ในอนาคต "
คำพูดจากเศรษฐีท่านนี้น่าจะเป็นการย้ำถึงความสำคัญของการศึกษาได้
.
แม้แต่ผู้ที่เรียนจบแล้วยังต้องหาความรู้ตลอดเวลาเหตุใดการเรียนเพื่อเป็นพื้นฐานจึงไม่สำคัญ
จริงไหมครับน้องๆ หวังว่าบทความนี้จะทำให้น้องๆมีกำลังใจในการศึกษาต่อและฟันฝ่าอุปสรรคไปจนประสบความสำเร็จนะครับ
ผู้เขียนบทความ
คุณานนต์ ไข่มุกข์
เจ้าของเพจ facebook " นายน้อย "

