ถ้าสิ่งนั้นดีให้ลงมือทำโดยไม่ต้องรอให้ใครขอ
ช่วงที่ผมบวชอยู่วัดป่านั้นน่าจะสัก 2
ปีที่แล้วมีอยู่วันหนึ่ง เมื่อคณะหมู่สงฆ์รวมถึงผมด้วยนั่งสมาธิเสร็จตามกิจวัตรในแต่ละวันนั้น
เจ้าอาวาสท่านก็เดินออกจากศาลาวัดไปอย่างปกติ
แต่ระหว่างทางนั้นท่านก็หยุดและชี้ให้ผมดูที่พื้น ผมก็งงอยู่ชั่วขณะหนึ่งว่าท่านกำลังจะบอกอะไร
แล้วท่านเจ้าอาวาสก็เดินไป จนมีพระพี่เลี้ยงท่านเห็นแล้วรีบเข้ามาหาผมแล้วบอกว่า
ให้เอาไม้กวาดมากวาดด่วนเลยตรงนั้นมีทราย ในตอนนั้นผมก็งงและสงสัยว่าทำไมท่านเจ้าอาวาสถึงไม่บอกเราตั้งแต่ทีแรกจะมาใช้คำใบ้หรือบอกไม่ละเอียดทำไม
จนเมื่อไม่กี่อาทิตย์ที่ผ่านมาเมื่อผมทานข้าวเสร็จผมก็จะล้างจานของตัวเองทันที (
และจะล้างให้สะอาดด้วยเหมือนอาจจะชินกับในตอนที่เป็นบวชเป็นพระนั้นก็มีข้อบัญญัติไว้ให้พระสงฆ์จะต้องล้างภาชนะให้สะอาด
นอกจากนั้นผมไม่ชอบให้จานข้าวที่ตั้งไว้มีมดมาขึ้นและทำให้เราทำความสะอาดยากขึ้นไปอีกและผมก็ไม่อยากให้พ่อหรือแม่ต้องมานั่งล้างจานตามหลังด้วย
) ผมก็เหลือบไปเห็นน้องชายทานข้าวเสร็จแล้ววางจานเอาไว้
ผมก็เลยบอกให้น้องชายล้างไม่เช่นนั้นก็เป็นพ่อแม่อีกที่ต้องมาล้างจานปรากฏว่าน้องชายผมก็ล้าง
ทำให้ผมนึกถึงเหตุการณ์เมื่อ 2 ปี ก่อนย้อนมาให้ผมคิดได้ว่า เมื่อเราเห็นอะไรสักอย่างหนึ่งเราควรจะต้องฉุกคิดถ้าสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่ดีและถูกต้อง
ก็ให้ลงมือทำทันทีโดยที่ไม่ต้องรอให้ผู้อื่นบอก
เพราะบางทีเรื่องเล็กๆน้อยๆละเอียดอ่อนแบบนี้คนที่เรารักอาจจะไม่ได้บอกเราทั้งหมดก็ได้
“ ดังนั้นไม่เพียงแต่ปฏิบัติกับครอบครัวแต่กับผู้อื่นหรือกับตัวเอง
หากเราเห็นว่าอะไรก็ตามซึ่งเป็นสิ่งที่ดีและถูกต้องก็ให้ลงมือทำทันทีโดยไม่ต้องรอให้เขาบอก
เพราะแค่เขาไม่พูดไม่ได้หมายความว่าความต้องการของเขานั้นจะหายไป ”
ผู้เขียนบทความ
คุณานนต์ ไข่มุกข์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น